วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554
คุณลักษณะอาชญากรรม
คุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมจัดแยกได้เป็น 3 ด้าน คือ
1) ลักษณะที่มีปัญหาด้านไม่หยุดนิ่ง-ขาดแรงกระตุ้น-ขาดความตั้งใจ (hyperactive-impulsive-attention problem) คุณลักษณะด้านนี้แสดงถึงการมีพลังมากเกินพอดีทำให้ไม่สามารถหยุดนิ่งชอบพูดมาก ส่งเสียงดัง ส่วนคุณลักษณะด้านขาดแรงกระตุ้นแสดงถึงการไม่มีเหตุผลแสดงออกโดยการทำไม่คิด การไม่มีสมาธิในการทำงาน การขัดจังหวะการพูดของผู้อื่น การไม่พิจารณาไตร่ตรองผลของพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ส่วนคุณลักษณะด้านการขาดความตั้งใจสะท้อนออกในทางความประพฤติที่เกิดขึ้น ส่วนคุณลักษณะด้านการขาดความตั้งใจสะท้อนออกในรูปของการขาดสมาธิในการฟัง ชอบทำของใช้ที่จำเป็นหายและการหลงลืม2) สภาวะที่มีปัญหาทางความประพฤติ แสดงออกในรูปของการลักขโมย การจุดไฟ การหนีออกจากบ้าน การทำลายข้าวของ การต่อสู้ การพูดปดและการทำร้ายสัตว์ การประทุษร้ายร่างกายผู้อื่น พฤติกรรมการบำบัดที่ถูกต้อง พฤติกรรมดังกล่าวจะทวีความรุนแรงมากขึ้น เป็นที่น่าเสียดายว่าพฤติกรรมเหล่านี้มักถูกวินิจฉัยว่าเป็นความบกพร่องทางการเรียนรู้ทั้งๆ ที่เป็นพฤติกรรมที่มีปัญหาที่ยากต่อการแก้ไข
3) การมีระดับสติปัญญาต่ำ มีการวิจัยแสดงให้เห็นว่าเด็กที่มีระดับสติปัญญาต่ำ มีแนวโน้มที่จะเกิดการทำงานผิดปกติของจิตประสาทอันนำไปสู่ความประพฤติที่เป็นปัญหาและการมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์และพัฒนาไปเป็นการก่ออาชญากรรมเมื่อเด็กโตขึ้น
ทฤษฎีทางด้านคุณลักษณะแฝงของบุคคลเน้นความสำคัญของการอบรมเลี้ยงดูต่อการสร้างคุณลักษณะนิสัยและการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของเด็ก ทฤษฎีเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ยากจน เด็กที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากพ่อแม่ ผู้ปกครองที่ขาดความสม่ำเสมอในการอบรมสั่งสอน เด็กที่มีระดับสติปัญญาต่ำมีแนวโน้มที่จะเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน ขาดความตั้งใจ มีพฤติกรรมเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง ไม่มีเหตุผลและมีความประพฤติไม่เป็นที่พึงปรารถนา คุณลักษณะเหล่านี้จะพัฒนาไปสู่ผู้กระทำผิดหรือก่ออาชญากรรมเมื่อมีอายุมากขึ้น
เมื่อประมวลปัจจัยที่มีความสัมพันธ์หรือส่งอิทธิพลถึงระดับคุณธรรมจริยธรรมตามทฤษฎีพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมที่กล่าวมาทั้งหมดจะได้ตัวแปรที่เป็นสาเหตุแยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีวิถีชีวิตในสาขาจิตวิทยาและสังคมวิทยา ได้แก่ ระดับสติปัญญาช่วงวัย การให้รางวัล/การลงโทษ การเลียนแบบจากตัวแบบและการอบรมสั่งสอน กลุ่มที่สอง คือ ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีคุณลักษณะแฝงทางอาชญวิทยา ได้แก่ การอบรมเลี้ยงดู ระดับสติปัญญา การขาดความตั้งใจ ความไม่มีเหตุผล การไม่หยุดนิ่ง และมีปัญหาด้านความประพฤติ
วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554
รูปแบบการสอนแบบบูรณาการ
การสอนแบบบูรณาการ ตามแนวปรัชญาของ Dewey ที่กล่าวว่าการจัดการเรียนการสอนต้องพัฒนาผู้เรียนในลักษณะเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ในตัว มิใช่เป็นการพัฒนาเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่งเรื่องเดียว การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการจึงเป็นกระบวนการริเริ่ม สร้างสรรค์ที่ผู้สอนต้องผสมผสานเนื้อหาสาระจากรายวิชาและวิธีการสอนที่ประสบความสำเร็จจากที่ได้เรียนรู้ในอดีตเข้าด้วยกันเพื่อพัฒนาผู้เรียนโดยองค์รวม (Merickel, 1998) รูปแบบการสอนแบบบูรณาการสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทดังนี้
1. การสอนแบบบูรณาการภายในวิชา
เป็นการนำเนื้อหาภายในวิชาเดียวไปสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับชีวิตจริงและให้ผู้เรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะไปใช้ในชีวิตจริงในบริบทที่มีความหมายซึ่งจะทำให้การเรียนของผู้เรียนมีความหลากหลาย
2. การสอนแบบบูรณาการระหว่างวิชา
เป็นการเชื่อมโยงหรือรวมศาสตร์ต่างๆ ตั้งแต่ 2 วิชาขึ้นไปภายใต้หัวเรื่อง (theme) เดียวกัน เป็นการเรียนรู้โดยใช้ความรู้ ความเข้าใจและทักษะในศาสตร์หรือความรู้ในวิชาต่างๆ มากกว่า 1 วิชาขึ้นไปเพื่อแก้ปัญหาหรือแสวงหาความรู้ความเข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งและใกล้เคียงกับชีวิตจริงซึ่งแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบคือ
2.1 แบบพหุวิทยาการ (multidisciplinary instruction) หรือ แบบสอดแทรก (infusion)
เป็นการสอนที่ครูผู้สอนในวิชาหนึ่งสอดแทรกเนื้อหาของวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปในวิชาหลักที่เป็นวิชาที่ครูผู้นั้นรับผิดชอบการสอน ลักษณะของการเรียนการสอนส่วนใหญ่เป็นการวางแผนการสอนและสอนโดยครูเพียงคนเดียว
2.2 แบบคู่ขนาน (parallel instruction)
เป็นการสอนที่ครูตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปที่สอนต่างวิชากัน ต่างคนต่างสอน แต่วางแผนการสอนร่วมกันโดยมุ่งสอนหัวเรื่อง (theme)/ความคิดรวบยอด (concept)/ปัญหา (problem) เดียวกัน ระบุและตัดสินใจร่วมกันว่าจะสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหานั้นๆ อย่างไรในวิชาของแต่ละคน งานที่มอบหมายให้นักเรียนทำจะแตกต่างกันไปในแต่ละวิชาแต่อยู่ภายใต้หัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาร่วมกัน
2.3 แบบสหวิทยาการ (interdisciplinary instruction)
คล้ายๆ กับการสอนแบบคู่ขนาน ต่างกันตรงร่วมกันสอนในวิชาเดียวกัน กล่าวคือ ครูตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปสอนต่างวิชากันแต่วางแผนการสอนให้เป็นวิชาผสมผสาน มุ่งสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาเดียวกัน โดยอาจจะแยกกันสอนคนละตอนหือเข้าสอนพร้อมกันทุกตอนก็ได้ ส่วนใหญ่มีการมอบหมายงานหรือโครงการ (project) ร่วมกันซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงวิชาต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นเนื้อเดียว ครูผู้สอนทุกคนจะต้องวางแผนร่วมกันเพื่อที่จะระบุว่าจะสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาในแต่ละวิชาร่วมกันอย่างไรและวางแผนโครงการสอนร่วมกัน (หรือกำหนดงานที่จะมอบหมายให้นักเรียนทำร่วมกัน) และกำหนดว่าจะแบ่งโครงการสอนนั้นออกเป็นโครงการย่อยๆ ให้นักเรียนปฏิบัติแต่ละหัวข้ออย่างไร
2.4 แบบข้ามวิชาหรือสอนเป็นคณะ (transdisciplinary instruction)
การสอนรูปแบบนี้ครูที่สอนวิชาต่างๆ จะมารวมกันเป็นคณะหรือเป็นทีมโดยมีจุดประสงค์ที่ให้ผลที่เกิดจากการสอนเป็นแบบเดียวกัน วิธีการจัดการเรียนการสอนอยู่ในรูปแบบของคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้สอนของทุกรายวิชา วางแผนและกำหนดหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหา จัดสรรภาระงานสอน และสอนนักเรียนในกลุ่มเดียวกัน
ทั้งนี้จุดมุ่งหมายสำคัญของการสอนแบบบูรณาการเน้นความสำคัญของการให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ตรงที่หลากหลาย มีกิจกรรมการทำงานกลุ่มร่วมกัน มีปฏิสัมพันธ์และเกิดการเรียนรู้ที่ได้รับจากครูผู้สอน คือ พัฒนาการด้านปัญญาแบบพหุปัญญา เป็นองค์รวมของผู้เรียน รวมทั้งพัฒนาวิธีการเรียนรู้และการพัฒนาคุณลักษณะนิสัยที่พึงประสงค์ของผู้เรียนที่สอดคล้องกับชีวิตประจำวันและความต้องการของสังคม
ศุนย์คุณธรรม (2551).
วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)

